วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

10 อันดับเพลงนมัสการยอดเยี่ยม

นิตยสาร ChristianityToday ได้สำรวจความนิยมต่อเพลงนมัสการ นี่คือ 10 อันดับเพลงนมัสการพระเจ้ายอดเยี่ยม ที่ได้รับความนิยมสูงจากผู้ฟัง การนมัสการนำมาซึ่งการทรงสถิตย์ของพระเจ้า พระองค์ทรงเปลี่ยนเศร้าโศก ให้เป็นความชื่นชมยินดี และประทานความหวังใจให้กับเรา 10 อันดับเพลงนมัสการยอดเยี่ยมต่อไปนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่เราคุ้นหูและร้องถวายพระเจ้ากันอยู่แล้ว

1. Amazing Grace (พระคุณพระเจ้า ) แต่งโดย จอห์น นิวตัน
คำนำของหนังสือ John Newton and the English Evangelical Traditionเขียนโดย ดี. บรูซ ไฮนด์มาร์ช กล่าวถึงเพลง Amazing Grace ไว้น่าสนใจท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวที่สูญเสียพ่อแม่ ญาติพี่น้อง คนรัก มิตรสหาย จากอุบัติเหตุสายการบิน สวิสส์แอร์ตกลงในมหาสมุทรแอตแลนติก นอกชายฝั่งเมืองโนว่า สโคเทีย ประเทศแคนาดา ปี 1998ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือ 229 คน เสียชีวิตหมดทั้งลำ

บรรดาครอบครัวที่สูญเสีย ยืนรวมกันที่หมู่บ้านเล็กๆ ชื่อ Peggy's Coveสายตาของพวกเขามองข้ามโขดหิน ไปยังมหาสมุทรเบื้องหน้าที่ที่บรรดาคนรักของพวกเขาได้จากไปท่ามกลางความเศร้านั้น พวกเขาพร้อมใจกันร้องเพลง Amazing Graceเสียงเพลงดังไปทั่วชายฝั่งแห่งนั้น ยามชายฝั่งรวมทั้งหน่วยกู้ภัยต้องหยุดทำงาน ยืนสงบนิ่งจนกระทั่งเพลงนี้ร้องจบลง

ถ้าจอห์น นิวตัน ยังอยู่ เขาคงมาร่วมร้องเพลงนี้ด้วยจอห์น นิวตัน (ค.ศ.1725-1807) ชาวอังกฤษอดีตผู้คุมเรือขนทาสจากอัฟริกา ไปขายที่อเมริกาในศตวรรษที่ 18คืนหนึ่งบนเรือในปี 1747 ท้องฟ้าปั่นป่วนจากพายุนิวตันอ่านหนังสือเรื่อง The Imitation of Christ เขียนโดย โธมัส เอ เคมพิสกับวลีที่ว่า "ความไม่แน่นอนในชีวิตที่ดำเนินอยู่"ตามด้วยพระธรรมสุภาษิต "เพราะเราได้เรียกแล้ว และเจ้าปฎิเสธ...ฝ่ายเราจะหัวเราะเย้ยความหายนะของเจ้า ...."ทำให้นิวตันกลับใจ ยอมสยบกับพระเจ้า

อีกหลายปีต่อมา นิวตันทิ้งทะเลไว้เบื้องหลัง หันมารับใช้พระเจ้าแทนเพลง Amazing Grace เป็น 1 ใน 281 เพลงนมัสการที่นิวตันเขียนขึ้นมาเนื้อหาของบทเพลงส่วนหนึ่งมาจากชีวิตของนิวตันและมีพื้นฐานจากเพลงสดุดีโมทนาของดาวิด ใน 1 พงศาวดาร 16, 17

2. How Great Thou Art ( พระเจ้ายิ่งใหญ่ ) แต่งโดย คาร์ล โบเบิร์ก
ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยสด จู่ๆ พายุฝนก็เกิดขึ้นหลังจากพายุผ่านไป ทุกอย่างกลับมาสวยสดเหมือนเดิมนี่เป็นแรงบันดาลใจให้ คาร์ล โบเบิร์ก (ค.ศ.1859 - 1940) ศิษยาภิบาลชาวสวีเดนแต่งเพลงนี้ในปี 1886 โดยแต่งเป็นโคลงชื่อ "O Great God"

ต่อมาเพลงนี้ถูกแปลเป็นภาษาเยอรมัน รัสเซีย ตามลำดับบาทหลวง สจ๊วร์ต เค.ฮิน, มิชชั่นนารีชาวอังกฤษในยูเครนชอบร้องเพลงนี้ในภาษารัสเซีย ร่วมกับภรรยาของเขาในที่สุดท่านก็แปลเพลงนี้เป็นภาษาอังกฤษและแต่งเพิ่มในปี 1948เพลงนี้ได้รับความนิยมในอเมริกาเหนือในคอนเสิร์ต Billy Graham crusades ช่วงทศวรรษที่ 50จอร์จ เบเวอรี่ เชีย จำได้ว่าเขากับวงประสานเสียงร้องเพลงนี้ 99 ครั้งในการประชุมที่นิวยอร์ค เมื่อปี 1957

3. Because He Lives ( เพราะพระองค์ทรงอยู่ ) แต่งโดย วิลเลี่ยม เจ. ไกเธอร์
ในปี 1969 วิลเลี่ยม (หรือ บิล) และกลอเรีย ไกเธอร์ ภรรยาเพิ่งจะผ่านพ้นความเศร้าที่สูญเสียลูกสองคนแรกไปและรอคอยการคลอดลูกคนที่ 3 ของพวกเขาแต่การคลอดในครั้งนี้ดูอะไรไม่พร้อมไปเสียหมดกลอเรียสุขภาพไม่ดีจากการคลอดลูกคนก่อนนอกจากนั้น บิลยังมีอาการติดเชื้อ...ปัญหาสุขภาพไม่ใช่เรื่องเดียวที่พวกเขาเผชิญอยู่การหย่าร้างของคนในครอบครัว ความร้าวฉาวกับเพื่อนสนิทรบกวนจิตใจพวกเขาอย่างหนัก ทั้งคู่จมอยู่ในความทุกข์เศร้าเพื่อนสนิทคนหนึ่งอธิษฐานขอความเชื่อให้กับพวกเขา

คำอธิษฐานของเพื่อนสนิทคนนั้น ทำให้บิลและกลอเรียระลึกถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นพระผู้ช่วยในชีวิต การฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ทำให้พวกเขามั่นใจและกล้าฝากอนาคตไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์มิถุนายน ปี 1970 เบนจามิน ทารกเพศชายสุขภาพแข็งแรง ได้ถือกำเนิดขึ้นทำให้พวกเขาเกิดแรงบันดาลใจเขียนเพลง Beacause He Lives ขึ้นมา

4. Great Is Thy Faithfulness แต่งโดย โธมัส โอบาเดีย คิสโฮล์ม
โธมัส โอบาเดีย คิสโฮล์ม (ค.ศ.1866 -1960) ตัวแทนขายประกันชาวอินเดียนน่าฝึกปรือการเขียนจากงานหนังสือพิมพ์ ในเมืองแฟรงคลิน รัฐเคนทัคกี้ก่อนจะถวายตัวรับใช้พระเจ้าที่โบสถ์ Pentecostal Herald นิกาย Methodism

ต่อมาโธมัสลาออก เพราะสุขภาพไม่ดี และเริ่มงานขายประกันในปี 1909แต่ก็ยัังแต่งกลอนและเพลงต่อไป เขาแต่งเพลง Great is Thy Faithfulness ในปี 1923

5. The Old Rugged Cross (ไม้กางเขนโบราณ) แต่งโดย จอร์จ เบนนาร์ด
จอร์จ เบนนาร์ด (ค.ศ. 1873 -1958) เกิดที่เมืองยังสทาวน์ รัฐโอไฮโอเข้าร่วมกับกลุ่ม the Salvation Army ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นหลังพ่อเขาเสียชีวิตโดยรับใช้อยู่ที่ Methodist Episcopal Churchและนำการฟื้นฟูมาสู่มิชิแกนและนิวยอร์ก

ระหว่างอยู่ที่เมืองอัลไบออน รัฐมิชิแกน เบนนาร์ดได้รับการดลใจให้แต่งทำนองเพลง The Old Rugged Cross แล้วแต่งเนื้อทีหลังเขารู้ว่าแต่งเพลงนี้เสร็จแล้ว เมื่อเนื้อเพลงแทรกซึมไปทุกอณูของจิตใจเกิดความอิ่มเอิบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเพลงนี้ถูกนำมาเล่นครั้งแรกในการประชุมฟื้นฟูที่เมืองโพคากอน รัฐมิชิแกน เมื่อวันที่ 7 กรกฏาคม 1913และกลายเป็นเพลงนมัสการที่ได้รับความนิยมสูงในอเมริกา

6. What a Friend We Have in Jesus (มีสหายเลิศคือพระเยซู)แต่งโดย โจเซฟ สไครเวน
เนื้อเพลงนี้ถูกจารึกลงบนอนุสาวรีย์ ใกล้กับ Port Hope เมือง Ontario ประเทศแคนาดาและอุทิศให้กับผู้ประพันธ์ โจเซฟ สไครเวน (ค.ศ.1819 -1886) ชาวไอริชทุกอย่างในชีวิตกำลังไปได้ดี จนกระทั่งในคืนก่อนวันแต่งงานคู่หมั้นของสไครเวนประสบเหตุหล่นจากหลังม้า ตกลงไปในแม่น้ำและจมน้ำตายเพื่อหนีให้ห่างไกลความเศร้า สไครเวนจึงย้ายไปอยู่ที่แคนาดา

เนื้อเพลง What a Friend in Jesus ถูกแทรกเข้าไปในจดหมายที่เขาเขียนถึงแม่ที่ป่วยหนัก เพื่อปลอบโยนใจเธอเมื่อไอร่า แซนคีย์ ผู้นำนมัสการของ ดี.แอล. มูดี้ พบเนื้อเพลงนี้โดยบังเอิญเขาเลยแต่งทำนองเพลงให้ และกลายเป็นเพลงดังชั่วข้ามคืน

7. To God Be the Glory แต่งโดย แฟนนี่ ครอสบี้
การเป็นคนตาบอดไม่ให้ปิดกั้น แฟนนี่ ครอสบี้ (ค.ศ.1820 - 1915) สตรีชาวอเมริกันในการแต่งเพลงนมัสการ เธอแต่งเพลงนมัสการมากว่า 9,000 เพลงนอกจากความเป็นอัจฉริยะในการแต่งเพลงแล้ว ครอสบี้ยังมีความจำเป็นเลิศอีกด้วยเธอแต่งเพลง To God Be the Glory ในต้นปี 1870

8. Majesty แต่งโดย แจ๊ค เฮย์ฟอร์ด
ในปี 1977 แจ๊ค เฮย์ฟอร์ด ศิษยาภิบาลชาวอเมริกัน และภรรยาเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในสก๊อตแลนด์ และอังกฤษที่พระราชวัง Blenheim ซึ่งสร้างในศตวรรษที่ 18แจ๊คสรุปความงดงามใหญ่โตของสถานที่ที่ไปเยือนด้วยข้อความประโยคหนึ่งว่า "มีสิ่งที่สง่างามสูงสุด (Majesty) เหนือสิ่งเหล่านี้ทั้งปวง"ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาแต่งเพลงนี้ขึ้นมา

9. Shout to the Lord แต่งโดย Darlene Zschech
ดาร์ลีนเขียนเพลง Shout to the Lord เมื่อปี 1993 ในขณะที่ท้อแท้ใจอย่างที่สุดเธอและสามีมีลูกด้วยกัน 2 คน ทั้งคู่กำลังมีปัญหาเรื่องการเงินดารืลีนขังตัวเองอยู่ในห้องที่มีเปียโนตั้งอยู่ แล้วบทเพลงแห่งความจริง"ภูเขาสายน้ำแสนชื่นบาน ยอพระนามของพระองค์..." ก็หลั่งไหลออกมาดาร์ลีนร้องเพลงนี้ถวายพระสันตะปาปา, ประธานาธิบดีสหรัฐ และการประชุมทั่วโลก

10. Holy, Holy, Holy แต่งโดย เรจินัลด์ เฮเบอร์
เพลงนี้บางครั้งเรียกว่าการถอดความพระธรรมวิวรณ์ 4 : 8-11เรจินัลด์ เฮเบอร์ (ค.ศ.1783 -1826) ชาวอังกฤษแต่งเพลงนี้ให้กับหนังสือ Trinity Sunday ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1826

หลายคนอาจพบว่า เพลงนมัสการที่ตนชื่นชอบไม่ติดในอันดับเขียนมาเล่าสิครับว่า ท่านชอบเพลงไหนกันบ้างแต่ไม่ว่าจะเป็นเพลงใดก็ตาม ร้องตกคีย์บ้าง เพี้ยนบ้างถ้าร้องออกมาเพื่อถวายเกียรติพระเจ้าสูงสุดแล้วพระองค์ทรงพอพระทัย แม้กระทั่งเพลงจากใจ
เพลง : Medley of Favorite Hymns: Amazing Grace/Old Rugged Cross/Because He Lives/Revive


ที่มา http://www.weareimpact.com/

วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2551

ทีลอชู


สวยจัง












แสนรู้น่ะ







วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2551

พระเจ้ามีจริงหรือไม่? ฉันจะรู้แน่ ๆ ได้อย่างไรว่าพระเจ้ามีจริง?

พระเจ้ามีจริงหรือไม่? ฉันจะรู้แน่ ๆ ได้อย่างไรว่าพระเจ้ามีจริง?
คำถาม: พระเจ้ามีจริงหรือไม่? ฉันจะรู้แน่ ๆ ได้อย่างไรว่าพระเจ้ามีจริง?คำตอบ: เรารู้ว่าพระเจ้ามีจริงเพราะพระองค์ทรงเิปิดเผยพระองค์เองต่อเราในสามทาง คือ ทางการทรงสร้าง, ทางพระวจนะของพระองค์, และทางพระบุตรของพระิองค์, พระเยซูคริสต์. หลักฐานพื้น ๆ ที่พิสูจน์ว่าพระเ้จ้ามีจริงอยู่ คือ สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา “ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาแล้ว สภาพที่ไม่ปรากฏของพระองค์นั้น คือฤทธานุภาพอันนิรันดร์และเทวสภาพของพระเจ้า ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย” (โรม 1:20) “ฟ้าสวรรค์ประกาศสง่าราศีของพระเจ้า และภาคพื้นฟ้าสำแดงพระหัตถกิจของพระองค์” (สดุดี 19:1).หากข้าพเจ้าเจอนาฬิกาข้อมือเรือนหนึ่งในสนามหญ้่าแห่งหนึ่ง ข้าพเจ้าคงไม่คิดว่ามัน “โผล่” ขึ้นมาเองโดยไม่มีที่มาที่ไป หรือ มัีนอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด ดูจากการออกแบบของมัน ข้าพเจ้าจะต้องเดาเอาว่าจะต้องมีใครสักคนหนึ่งออกแบบมันขึ้นมา แต่ข้าพเจ้าเห็นการออกแบบที่ยิ่งใหญ่และจำเพาะเจาะจงกว่านั้นมากนักในโลกรอบ ๆ ตัวเรา การวัดเวลาของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับนาฬิกาข้อมืิอ แต่ขึ้นอยู่กับหัตถกิจของพระเจ้า -- การหมุนของโลก (และคุณสมบัติของกัมมันตภาพรังสีซีเซียม-133 อะตอม) จักรวาลแสดงให้เห็นถึงการออกแบบที่ยิ่งใหญ่ และนี่เป็นการถกว่าจะต้องมีนักออกแบบผู้ยิ่งใหญ่.หากข้าพเจ้าเจอข้อความที่เข้าระหัสไว้่ ข้าพเจ้าก็จะต้องพยายามแก้ระหัสนั้นให้ได้ ข้าพเจ้าคงคิดว่าจะต้องมีใครสักคนที่เป็นสายลับที่เป็นผู้ส่ง ข่าวมา และเป็นผู้ตั้งระหัสเอาไว้ คิดดูซิว่า “ระหัส” DNA ที่อยู่ในทุกเซลล์ในร่างกายของเรานั้นซับซ้อนแค่ไหน? ความซับซ้อนและวัตถุประสงค์ของมันไม่ได้แแสดงให้เห็นเลยหรือว่าต้องมีสายลับสักคนหนึ่งเป็นผู้เขียนระหัสนี้ขึ้นมา.พระเจ้าไม่เพียงแต่ทรงสร้างโลกที่แสนสลับซับซ้อนแต่กลมกลืนเข้ากันได้เป็นอย่างดีเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงปลูกฝังความรู้สึกอันเป็นนิรันดร์เข้าไว้ในใจของมนุษย์ทุกคนด้วย (ปัญญาจารย์ 3:11) มนุษย์มีความคิดที่ติดตัีวมาตั้งแต่กำเนิดว่าชีวิตนี้มีอะไรมากกว่าที่ตามองเห็น ว่ามีอะไรที่เป็นอยู่เหนือกว่าการดำเนินชีวิตตามปกติประจำวัน ความสำนึกของเราเกี่ยวกับความเป็นนิรันดร์ปรากฎขึ้นมาอย่างน้อบสองทาง นั่นคือ การกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมา และการนมัสการ.ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนทุกเชื้อชาติศาสนาได้เห็นถึงคุณค่าทางคุณธรรมบางประการซึ่งน่าแปลกใจว่าเป็นความเห็นที่เหมือนกันหมด ยกตัวอย่างเช่น ความรักในอุดมคติเป็นที่ยกย่องของคนทั่วไป ในขณะที่การโกหกเป็นที่เกลียดชัง คุณค่าทางคุณธรรมที่เหมือนกันนี้ (ความเข้่าใจเหมือนกันทั่วโลกถึงสิ่งทีุ่ถูกและผิด) ชี้ให้เห็นถึงผู้มีุคุณธรรมสูงสุดผู้ใส่ความรู้สึกละอายไว้ในเรา.ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าขนบธรรมเนียมประเภณีของคนทั่วโลกจะเป็นอย่างไร ผู้คนจะสร้างระบบการนมัสการขึ้นมาอยู่เสมอ สิ่งที่พวกเขานมัสการอาจไม่เหมือนกัน แต่ความรู้สึกถึง “พลังที่มาจากเบื้องบน” เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ที่เราปฏิเสธไม่ได้ ความอยากนมัสการของเราเกิดขึ้นตามความจริงที่ว่าพระเจ้าทรงสร้างเราขึ้นมา “ตามพระฉายของพระองค์” (ปฐมกาล 1:27).พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองต่อเราผ่านทางพระวจนะของพระองค์ (พระคัมภีร์) ด้วยเช่นกัน ตลอดทั่วทั้งพระคัมภีร์ การดำรงอยู่ของพระเจ้าถูกพิจารณาว่าเป็นความจริงโดยประจักษฺ์พยานในตัวของมันเอง (ปฐมกาล 1:1; อพยพ 3:14) เมื่อ เบนจมิน แฟรงคลิน เขียน อัตชีวประวัติ ของเขา เขาไม่ได้เสียเวลาพยายามพิสูจน์เลยว่าเขามีตัวตน เช่นเดียวกัน พระเจ้าทรงไม่ได้ใช้เวลามากนักพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงมีตัวตนในหนังสือของพระองค์ คุณสมบัติของพระคัมภีร์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนได้, คุณธรรมในนั้น และการอัศจรรย์ที่ีมีปรากฎอยู่ ควรเพียงพอที่จะรับประกันให้ผู้อ่านตรวจสอบมันให้ชัดเจนยิ่งขึ้น.ทางที่สามที่พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองก็คือโดยทางพระบุตร (พระเยซูคริสต์) (ยอห์น 14:6-11) “ในเริ่มแรกนั้นพระวาทะทรงเป็นอยู่แล้ว และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า … พระวาทะได้ทรงสภาพของเนื้อหนัง และทรงอยู่ท่ามกลางเรา (และเราทั้งหลายได้เห็นสง่าราศีของพระองค์ คือสง่าราศีอันสมกับพระบุตรองค์เดียวที่บังเกิดจากพระบิดา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง” (ยอหฺ์น 1:1, 14) ในพระเยซูคริสต์ “สภาพของพระเจ้าดำรงอยู่อย่างบริบูรณ์” (โคโลสี 2:9).ในชีวิตที่แสนอัศจรรย์ของพระเยซู พระองค์ทรงรักษากฎบัญญัติทั้งหมดในพันธสัญญาเดิมไว้ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง และทรงทำให้คำเผยพระวจนะเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ (มัทธิว 5:17) สำเร็จเป็นจริง พระองค์ทรงทำพระราชกิจแห่งความเมตตาสงสารและการอัศจรรย์มากมายนับไม่ถ้วนต่อหน้าฝูงชนเป็นจำนวนมาก เพื่อพิสูจน์สิ่งที่พระองค์ตรัส และเป็นพยานถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์ (ยอห์น 21:24-25) ต่อจากนั้น สามวันหลังจากที่ทรงถูกตรึงบนกางเขน พระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ มีคนเป็นร้อย ๆ เห็นสิ่งเหล่านี้กับตาและสามารถยืนยันข้อเท็จจริงนี้ได้ (1 โครินธ์ 15:6) หลักฐานทางประวัติศาสตร์มี “ข้อพิสูจน์” มากมายว่าพระเยซูคือใคร ดังที่อัครสาวกเปาโลได้กล่าวไว้ “การเหล่านั้นมิได้กระทำกันในที่ลับลี้” (กิจการ 26:26).เรารู้ว่าจะต้องมีคนขี้สงสัยผู้ที่มีความคิดเป็นของตนเองเกี่ยวกับพระเจ้่าติดตามอ่านหลักฐานเหล่านี้อยู่ และจะมีบางคนที่ไม่ว่าจะมีหลักฐานแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันจะเปลี่ยนใจ (สดุดี 14:1) ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเชื่อเท่านั้น (ฮีบรู 11:6).

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ความทุกข์ยากไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทำร้ายเราแต่เพื่อนำเราเข้าหาพระเจ้า

สดุดี 119:65-72
65พระองค์ได้ทรงกระทำดีต่อผู้รับใช้ของพระองค์โอข้าแต่พระเยโฮวาห์ตามพระวจนะของพระองค์ 66ขอทรงสอนคำตัดสินและความรู้แก่ข้าพระองค์เพราะข้าพระองค์เชื่อถือพระบัญญัติของพระองค์ 67ก่อนที่ข้าพระองค์ทุกข์ยากข้าพระองค์หลงเจิ่นแต่บัดนี้ข้าพระองค์รักษาพระวจนะของพระองค์ไว้ 68พระองค์ประเสริฐและทรงกระทำการดีขอทรงสอนกฎเกณฑ์ของพระองค์แก่ข้าพระองค์ 69คนโอหังป้ายความเท็จใส่ข้าพระองค์แต่ข้าพระองค์จะรักษาข้อบังคับของพระองค์ด้วยสุดใจ 70จิตใจของเขาทั้งหลายต่ำช้าเหมือนไขมันแต่ข้าพระองค์ปีติยินดีในพระราชบัญญัติของพระองค์ 71ดีแล้วที่ข้าพระองค์ทุกข์ยากเพื่อข้าพระองค์จะเรียนรู้ถึงกฎเกณฑ์ของพระองค์ 72สำหรับข้าพระองค์พระราชบัญญัติแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์ก็ดีกว่าทองคำและเงินพันๆแท่ง

เมื่อพูดถึง “โรงเรียนแห่งความรันทด” เรากำลังผู้ถึงประสบการณ์ความยากลำบากในชีวิตที่สอนเราแม้ว่ามนุษย์มีธรรมชาติที่จะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดแต่ผู้เชื่อสามารถเรียนรู้จากสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ได้
ผู้เขียนบทเพลงสุดุดีบอกไว้อย่างชาญฉลาดว่า “ดีแล้วที่ข้าพระองค์ทุกข์ยากเพื่อข้าพระองค์จะเรียนรู้ถึงกฎเกณฑ์ของพระองค์” (สดุดี 119:71) ความทุกข์ใจที่เกิดขึ้นกับเขาคือการถูกใส่ร้าย (69-70) กระนั้น ผู้เขียนสดุดีตระหนักว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะสอนให้เขาเห็นคุณค่าพระคำของพระเจ้า
ปัญหาที่คุณเผชิญอยู่คืออะไร? จงอธิษฐานมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ใคร่ครวญพระวจนะ และขอบพระคุณพระองค์สำหรับบทเรียนแห่งชีวิตที่คุณกำลังจะได้เรียนรู้ พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผนดินโลกทรงครองอยู่ แม้ “โรงเรียนแห่งความรันทด”

พระเจ้ายังทรงครอบครองบัลลังก์อยู่
และเรารู้พระองค์ไม่ทอดทิ้ง
พระสัญญาพระองค์เป็นความจริง
ไม่เคยทรงเฉยนิ่งลืมเราไป

ความทุกข์ยากไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทำร้ายเราแต่เพื่อนำเราเข้าหาพระเจ้า

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ทหาร..หาร

เข้าภาคสนาม นักศึกษาวิชาทหาร ปี4 ที่เขาชนไก่
สาว..สาว...สาว.....

ห้องน้ำ.. ดูดาวได้ด้วยล่ะ.. สุดยอด

สี่..ทหารเสือ


น่ารักตลอดกาล


ทหาร...หาร




กว่าจะมาถึงเล่นเอาแทบแย่ ต้องเดินขึ้นเขามาน่ะ ระยะทางประมาณ 2 กม. กว่าๆ มันก็ไม่ไกลนะ แต่เดินเขาตลอดทางเลย





เย้! ได้กลับแล้ว








วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ให้ดูเล่น

สู้ตายค่ะ
พี่น้องสามคนนี้หน้าไม่เหมือนกันเลยเนอะ

สองสาวสวย แต่อาจจะดูอวบๆไปน่อยนะ คือที่บ้านเลี้ยงดีไปหน่อยนะ อิอิอิ






วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2551

Welcome to PLLC pragrams.

Foreigners interested in teaching foreign languages in Thailand are welcome to PLLC pragrams.
Qualifications
1. Bachelor's degree in any fields.
2. TOEFL/TEFL Certificate preferable (not necessary)
3. Apply in person at 109/2 Moo.3 Chalerprakiet Road, Tombol Thasala, Mueng District, Lopburi 15000
or contact Tel:66 36 422985(Office)
:083-970-0037(Mob)
Email: santipot@gmail.com,santipot_kmitl@hotmail.com